เทรนด์หุ้มสติกเกอร์เปลี่ยนสีรถร้อนแรงต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้กระแสก็ยังไม่ตก กูรูหุ้มสติกเกอร์ “ภีมวัชช์” ทายาทรุ่นที่ 2 ของ “วิชัย นุชพุ่ม” หรือ ร้านแดง สติกเกอร์ ได้ย้อนอดีตเรื่องราวการหุ้ม สติกเกอร์ในประเทศไทยว่ามีมากว่า 10 ปี ส่วนใหญ่ เป็นการทำธุรกิจโฆษณา รถที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ การแปลงโฉมเฮลิคอป เตอร์ ก็ทำกัน
การหุ้มสติกเกอร์เปลี่ยนสีรถที่ฮิตแบบแรง ๆ ในบ้านเราเทรนด์เข้ามาเมื่อปี 2552 เริ่มจากกลุ่มคนเล่นรถ 20-30 คัน เมื่อเผยแพร่ออกไปปรากฏว่ากระแสตอบรับดีมาก ดังนั้นจึงมีร้านรับหุ้มสติกเกอร์ผุดขึ้นมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ในจำนวนนี้มีทั้งร้านที่ทำงานดี ใช้ของคุณภาพ ส่วนสติกเกอร์ที่ใช้สนนค่าหุ้มต่อคันตั้งแต่ 8,000 บาท จนถึงหลายแสนบาทขึ้นไป ซึ่งแล้วแต่ผู้บริโภคจะเลือกสรร
คุณภาพสติกเกอร์กลุ่มพรีเมียมมีราคาสูงหรืออยู่ที่ม้วนละ 100,000 บาท (ความยาว 50 ตร.ม.) มีอายุใช้งาน 3 ปี โดยสีเดิมของตัวรถไม่เสียหรือซีดจาง แต่ถ้าเลือกของถูกก็จ่ายเบา ๆ เริ่มต้นที่ 8,000 บาท แต่เมื่อลอกสติกเกอร์ออก รถสุดรักก็จะมีสีใหม่เข้ามาแทนที่ อย่างนี้ต้องทำใจ
“สำหรับสีที่ได้รับความนิยมและเปลี่ยนมากที่สุด คือ สีดำด้าน สีเมทัลลิก หรือในช่วงเวลานั้น ๆ มีกระแสอะไรเข้ามาแรงหรือลวดลายกราฟิก เป็นต้น และปัจจุบันนี้ผู้หญิงนิยมนำรถมาหุ้ม 30-40%”
ที่ผ่านมารถที่นิยมหุ้มสติกเกอร์คือ กลุ่มรถซูเปอร์คาร์ รถสปอร์ต โดยเฉพาะรถ ใหม่ที่ยังไม่ได้ทะเบียน จึงไม่ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อเปลี่ยนสีรถ และการหุ้มสติกเกอร์นี้ส่งผลดีต่อเมื่อเจ้าของต้องการขายรถ ได้ราคาขายต่อดี ราคาไม่ตกเหมือนกับรถที่ทำสีหรือเปลี่ยนสีทั้งคัน
ในทรรศนะของ “กีกี้-ศักดิ์ นานา” นักดริฟท์ที่คร่ำหวอดในวงการรถยนต์ อธิบาย ว่า
การหุ้มสติกเกอร์เป็นพฤติกรรมของวัยรุ่นอเมริกันที่ต้องการเปลี่ยนสีรถแต่มี เงินน้อย ก็เลือกหุ้มสติกเกอร์แทน เพราะสามารถเปลี่ยนได้บ่อย ในความเป็นจริงการนำวัสดุหรือสติก เกอร์ไปหุ้มบนสีรถไม่เหมาะเพราะขั้นตอนการติดสติกเกอร์ จะต้องฉีดสารเคมีลงบนบริเวณที่จะติดรวมทั้งมีการรีดสติกเกอร์ให้ติดกับพื้นผิว ทำให้กระทบกระเทือนสีรถ และเมื่อติดไปแล้วทำให้สีรถซีดลงในที่สุด ดังนั้นการหุ้มสติกเกอร์ ควรจะคิดให้รอบคอบว่าคุ้มค่าหรือไม่
อย่างไรก็ตามเมื่อเปลี่ยนสีรถก็ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถไปยังกรมการขนส่งทางบก
โดยใช้หลักฐานดังนี้ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ถ้ามี), สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ถ้าเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม, ใบเสร็จรับเงินค่าทำสีรถหรือหนังสือยืนยันการทำสีรถเอง, แบบคำขอแก้ไขเพิ่มเติมรายการในทะเบียนรถ (เปลี่ยนสี) ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้ยื่นคำร้องเรียบร้อยแล้วและหนังสือมอบ อำนาจ โดยติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
การเปลี่ยนสีด้วยการหุ้มสติกเกอร์ตามกฎหมายถือว่าเป็นการเปลี่ยนสีรถ ดังนั้นต้องแจ้ง เปลี่ยนสีรถให้ถูกต้องไม่เช่นนั้นอาจเป็นเหตุให้ต้องเสียค่าปรับ ถ้าจะตามแฟชั่นก็ให้เล่นตามกติกา สบายใจกว่ากันเยอะ.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
การหุ้มสติกเกอร์เปลี่ยนสีรถที่ฮิตแบบแรง ๆ ในบ้านเราเทรนด์เข้ามาเมื่อปี 2552 เริ่มจากกลุ่มคนเล่นรถ 20-30 คัน เมื่อเผยแพร่ออกไปปรากฏว่ากระแสตอบรับดีมาก ดังนั้นจึงมีร้านรับหุ้มสติกเกอร์ผุดขึ้นมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ในจำนวนนี้มีทั้งร้านที่ทำงานดี ใช้ของคุณภาพ ส่วนสติกเกอร์ที่ใช้สนนค่าหุ้มต่อคันตั้งแต่ 8,000 บาท จนถึงหลายแสนบาทขึ้นไป ซึ่งแล้วแต่ผู้บริโภคจะเลือกสรร
คุณภาพสติกเกอร์กลุ่มพรีเมียมมีราคาสูงหรืออยู่ที่ม้วนละ 100,000 บาท (ความยาว 50 ตร.ม.) มีอายุใช้งาน 3 ปี โดยสีเดิมของตัวรถไม่เสียหรือซีดจาง แต่ถ้าเลือกของถูกก็จ่ายเบา ๆ เริ่มต้นที่ 8,000 บาท แต่เมื่อลอกสติกเกอร์ออก รถสุดรักก็จะมีสีใหม่เข้ามาแทนที่ อย่างนี้ต้องทำใจ
“สำหรับสีที่ได้รับความนิยมและเปลี่ยนมากที่สุด คือ สีดำด้าน สีเมทัลลิก หรือในช่วงเวลานั้น ๆ มีกระแสอะไรเข้ามาแรงหรือลวดลายกราฟิก เป็นต้น และปัจจุบันนี้ผู้หญิงนิยมนำรถมาหุ้ม 30-40%”
ที่ผ่านมารถที่นิยมหุ้มสติกเกอร์คือ กลุ่มรถซูเปอร์คาร์ รถสปอร์ต โดยเฉพาะรถ ใหม่ที่ยังไม่ได้ทะเบียน จึงไม่ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบกเพื่อเปลี่ยนสีรถ และการหุ้มสติกเกอร์นี้ส่งผลดีต่อเมื่อเจ้าของต้องการขายรถ ได้ราคาขายต่อดี ราคาไม่ตกเหมือนกับรถที่ทำสีหรือเปลี่ยนสีทั้งคัน
ในทรรศนะของ “กีกี้-ศักดิ์ นานา” นักดริฟท์ที่คร่ำหวอดในวงการรถยนต์ อธิบาย ว่า
การหุ้มสติกเกอร์เป็นพฤติกรรมของวัยรุ่นอเมริกันที่ต้องการเปลี่ยนสีรถแต่มี เงินน้อย ก็เลือกหุ้มสติกเกอร์แทน เพราะสามารถเปลี่ยนได้บ่อย ในความเป็นจริงการนำวัสดุหรือสติก เกอร์ไปหุ้มบนสีรถไม่เหมาะเพราะขั้นตอนการติดสติกเกอร์ จะต้องฉีดสารเคมีลงบนบริเวณที่จะติดรวมทั้งมีการรีดสติกเกอร์ให้ติดกับพื้นผิว ทำให้กระทบกระเทือนสีรถ และเมื่อติดไปแล้วทำให้สีรถซีดลงในที่สุด ดังนั้นการหุ้มสติกเกอร์ ควรจะคิดให้รอบคอบว่าคุ้มค่าหรือไม่
อย่างไรก็ตามเมื่อเปลี่ยนสีรถก็ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถไปยังกรมการขนส่งทางบก
โดยใช้หลักฐานดังนี้ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ถ้ามี), สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ถ้าเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม, ใบเสร็จรับเงินค่าทำสีรถหรือหนังสือยืนยันการทำสีรถเอง, แบบคำขอแก้ไขเพิ่มเติมรายการในทะเบียนรถ (เปลี่ยนสี) ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้ยื่นคำร้องเรียบร้อยแล้วและหนังสือมอบ อำนาจ โดยติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
การเปลี่ยนสีด้วยการหุ้มสติกเกอร์ตามกฎหมายถือว่าเป็นการเปลี่ยนสีรถ ดังนั้นต้องแจ้ง เปลี่ยนสีรถให้ถูกต้องไม่เช่นนั้นอาจเป็นเหตุให้ต้องเสียค่าปรับ ถ้าจะตามแฟชั่นก็ให้เล่นตามกติกา สบายใจกว่ากันเยอะ.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก